บริการรับทำ SEO โปรโมทเว็บไซต์ สอนทำ SEO สดผ่าน Blogger

แนะนำวิธีทำ SEO เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการทำงานของ Search Engine ที่มีผลต่อการจัดลำดับผลการค้นหาของเว็บไซต์ หลายคนคงอยากรู้ว่าเครื่องมือค้นหาชื่อดังอย่าง Google, Yahoo และ Bing นั้นมีเทคนิคการจัดลำดับอย่างไร เราพร้อมนำเสนอข้อสมมุติฐานและหลักการเพื่อเป็นตัวช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มของการทำ SEO ที่ทันสมัยให้กับผู้สนใจทุกคน

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

วิธีรับมือกับ Google Panda Algorithm

จากบทความก่อนหน้านี้เราคงจะพอรู้สาเหตุของการสร้าง Google Panda Algorithm กันมาบ้างแล้ว หลายคนคงเกิดคำถามในใจว่า แล้วเราจะมีวิธีการทำ SEO อย่างไร เพื่อให้มีอันดับที่ดีขึ้นและเลี่ยงการโดนบทลงโทษจาก Google Panda ตัวนี้

Matt Cutts พยายามจะบอกเป็นนัยว่า Google Panda ที่ถูกนำมาใช้นี้ จะมีผลใช้กับพวก Content Farm เป็นส่วนใหญ่ และมันมักจะใช้ได้ดีเกือบ 100% ด้วย โดยไม่มีผลกระทบกับเว็บไซต์คุณภาพ สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดคำถามขึ้นว่า "แล้วเว็บไซต์แบบไหนที่เราจะเรียกว่าเป็นเว็บไซต์คุณภาพ ในสายตาของ Google Panda" เมื่ออ้างอิงจากเนื้อหาสำคัญจากเว็บไซต์ SEOBOOK หน้าเว็บเพจ http://www.seobook.com/google-update-panda เราจะได้้ข้อคิดสำคัญเกี่ยวกับเว็บไซต์คุณภาพดังนี้

  • หน้าเว็บเพจที่มีประโยชน์มักจะถูกเปิดอ่านโดยมนุษย์อยู่เสมอ
  • หน้าเว็บเพจที่มีประโยชน์ไม่จำเป็นต้องมีการโฆษณาที่มากเกินไป
  • หน้าเว็บเพจที่มีประโยชน์มักได้รับ Inbound Link จากเว็บไซต์อื่นๆ
  • หน้าเว็บเพจที่มีประโยชน์มักจะไม่ได้มีการคัดลอกเนื้อหามาจากเว็บไซต์อื่นๆ
  • หน้าเว็บเพจที่มีประโยชน์มักมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้คนกำลังนิยมโดยอิงจากสถิติการค้นหา
  • หน้าเว็บเพจที่มีประโยชน์มักไม่ได้มีช่องทาง Link เข้าจากการค้นหาโดยคำใดคำหนึ่ง

จากข้อสมมุติฐานดังกล่าวนี้มีความเป็นไปได้สูงในการจะนำหลักการเหล่านี้มากรอง Content Farm เพราะเมื่อเราตรวจสอบดูดีๆ แล้วจะพบว่าการสร้าง Network ส่วนมากของนักทำ SEO ไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพตามข้อสมมุติฐานดังกล่าวเลย อาศัยเพียงการอัพเดทเนื้อหาอยู่บ่อยๆ และต้องการเพียงลิงค์กลับไปยังเว็บปลายทางเท่านั้น ในขณะที่หน้าเว็บเพจที่มีประโยชน์และได้รับความสนใจเมื่อถูกเปิดอ่านจากมนุษย์จริง มักจะมีคุณสมบัติตามข้อสมมุติฐานข้างต้นอยู่เกือบครบถ้วน ทั้งๆ ที่สองเว็บเพจดังกล่าวนี้อาจอยู่ในลักษณะที่เป็น "เว็บบล็อก" เหมือนกันก็ได้

จุดนี้อาจจะเป็นข้อคิดสำคัญในการปรับเปลี่ยนแนวทางทำ SEO ใหม่ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อทดลองไอเดียใหม่ๆ ในการทำอันดับ โดยหลีกเลี่ยงเทคนิคเดิมๆ ที่อาจโดนบนลงโทษจากการปรับเปลี่ยนอัลกอลิทึ่ม

คำพูดของ Matt Cutts อาจเป็นเรื่องจริงที่นำมาใช้อย่างได้ผล เพราะถ้าหากวัดถึงความสนใจโดยมนุษย์และ Inbound Link แล้วเราจะพบว่านี่คือข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดในการแยกให้รู้ว่าเว็บไซต์ใดมีความเป็น "เว็บไซต์คุณภาพ" และเว็บไซต์ใดที่ "ด้อยคุณภาพ"

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

เหตุผลของการสร้าง Google Panda Algorithm

Google Panda Algorithm คืออัลกอลิทึมที่ใช้สำหรับการจัดระบบการค้นหาบนหน้า SERPs ใหม่ของ Google ที่เพิ่งถูกนำมาใช้งานได้ไม่นาน การทำงานหลักๆ ของ Google Panda นี่คือต้องการคัด index การค้นหาที่ประสิทธิภาพต่ำออกไปจากหน้าผลการค้นหา ซึ่งทีมวิศวกรคนสำคัญอย่าง Matt Cutts ต่างมั่นใจว่าการทำงานนี้จะได้ผลเกือบ 100% ที่จะกรอง Content Farm จากนักทำ SEO ทั้งหลายได้เป็นอย่างดี

Content Farm คืออะไร? - ในบทความ SEO จากหลายๆ แหล่งมักพูดเหมือน Copy เนื้อหากันมาว่า Content Farm หมายถึงการสร้างเนื้อหาที่ไม่ได้คุณภาพจำนวนมากเพื่อสร้าง Back Link ไปยังเว็บหลักโดยหวังผลประโยชน์ทาง SEO เพื่อให้หน้าเว็บเพจนั้นมีอันดับที่สูงขึ้น

พฤติกรรมดังกล่าวนี้เกิดจากระบบ Google Algorithm เก่าสำหรับปี 2010 ซึ่งทีมงานของเราสรุปปัจจัยสำคัญสำหรับการสร้างอันดับได้ง่ายๆ ดังนี้


ปัจจัยการทำอันดับสำหรับ Google Algorithm 2010

ดังแนวคิดข้างต้น คือเหตุผลง่ายๆ ของการก่อเกิด Content Farm ในช่วงปลายปี 2010 ที่ผ่านมา ในเมื่อนักทำ SEO ทั้งหลายรู้ว่าการได้ Back Link จากหน้าเว็บเพจที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน ก็มักจะถือว่าเป็น Back Link คุณภาพ และลิงค์เหล่านั้นจะมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นถ้าหน้าเว็บไซต์หรือหน้าเว็บเพจที่ปล่อยลิงค์มานั้นมีอัตราการ Crawler ของ Robots อยู่บ่อยครั้ง หรือที่หลายๆ คนมักเรียกว่า "บอทแรง" ก็ยิ่งจะช่วยทำให้หน้าเว็บเพจปลายทางที่ได้ Back Link นั้นมีอันดับที่ดีขึ้นได้ไม่ยาก

จากแนวคิดนี้นักทำ SEO หลายคนก็เลยถือโอกาสทดลองสร้าง Network ของตนเองหลายเว็บไซต์ และเขียนเนื้อหาจำนวนมากลงไปยังแต่ละเว็บไซต์ดังกล่าว พร้อมทั้งหา Inbound Links ให้กับแต่ละเว็บไซต์ที่เป็น Network

จากการกระทำดังกล่าวนี้เรามักจะเห็นเว็บไซต์ Network ของนักทำ SEO แต่ละคนอยู่เต็มไปหมดเวลาที่เราต้องการค้นหาข้อมูลบางอย่างบน Google ... เว็บไซต์ที่เป็น Network ส่วนมาก จะนิยมติดตั้ง WordPress ซึ่งเป็น CMS ชั้นเยี่ยมและได้รับการยอมรับว่าเป็น Script สำหรับสร้างบล็อกที่ทำอันดับได้ดีมากที่สุดตัวหนึ่ง เนื่องจากเป็นเพราะว่ามี Widget และเครื่องมืออำนวยความสะดวกด้าน SEO ครบวงจรนั่นเอง

สิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นถือเป็นขยะสำหรับผลการค้นหา แน่นอนว่าถ้ามี Keyword คำหนึ่งที่คุณค้นไปแล้วเจอเว็บไซต์ หลักของนักทำ SEO อยู่ในอันดับที่ 1 และอันดับที่ 2-5 หรือ 2-10 เป็นเว็บไซต์ที่เป็น Network ของนักทำ SEO รายนั้น ... แทนที่ผู้ค้นหาจะมีตัวเลือกรายการค้นหาสำหรับเปรียบเทียบข้อมูลที่ถูกใจ กลับกลายเป็นว่าหาอะไรก็เจอแต่เว็บไซต์ที่ต้องการเพียง 1 เว็บ นอกนั้นเป็นเว็บขยะที่มีข้อความพูดวกไปวนมา อ่านไม่รู้เรื่องบ้าง

ด้วยเหตุนี้ Google จึงตระหนักถึงผลเสียดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับหน้าผลการค้นหาของตน และจึงสร้างระบบการจัดการค้นหาที่เรียกว่า Google Panda เข้ามาใช้จัดการกับเว็บไซต์ Content Farm ดังกล่าวนี้ให้ลดปริมาณลง

"นักทำ SEO อย่างเราจะสามารถรับมือกับ Google Panda ได้อย่างไร และต่อไปจะมีแนวทางใดในการสร้าง Website ที่เรียกว่า "คุณภาพ" คุณสามารถติดตามไอเดียใหม่ๆ สำหรับทำ SEO จากเราได้ในตอนต่อไป"

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

SEO คืออะไร วิธีทำ SEO มีขั้นตอนอย่างไร

แน่นอนสำหรับผู้ประกอบธุรกิจการขายสินค้าและบริการผ่านเว็บไซต์คงให้ความสนใจกับการโปรโมทเว็บไซต์ด้วยวิธีการทำ SEO อยู่ไม่น้อย เรามาทำความรู้จักกับ "เอส อี โอ" กันดีกว่า

SEO คืออะไร
คำว่า SEO ย่อมาจากคำ่ว่า Search Engine Optimization แบ่งออกเป็นสองคำหลักๆ ให้เข้าใจง่าย คำแรกคือ Search Engine แปลว่าเครื่องมือค้นหา และคำที่สองคือ Optimization แปลว่ากระบวนการปรับแต่ง หากพูดถึงความหมายของคำว่า Search Engine Optimization เต็มๆ นั้นแปลได้ว่า "การปรับแต่งสำหรับเครื่องมือค้นหา" โดยการปรับแต่งที่ว่านี้ก็คือ การปรับแต่งเว็บไซต์นั่นเอง

การปรับแต่งเว็บไซต์
มือใหม่หลายคนคงไม่เข้าใจว่า SEO นั้นเกี่ยวข้องกับการปรับแต่งเว็บไซต์ได้อย่างไร อยากให้ทราบว่า Google มีการส่ง Robots เข้ามาเก็บข้อมูลภายในเว็บไซต์ โดย Robots นี้จะทำหน้าที่อ่าน HTML Code จากหน้าเว็บเพจต่างๆ และนำข้อมูลที่ได้มาจัดเรียงทำ Index (รายการค้นหา) เข้าสู่ระบบ โดยที่การนำข้อมูลมาจัดเรียงนั้น Google มีเทคโนโลยีแนวคิดที่ซับซ้อนที่เรียกว่าระบบ Algorithm (อัลกอลิทึม) เกี่ยวกับการจัดเรียงเนื้อหาตามลำดับความสำคัญและความนิยมอย่างชาญฉลาด ยกตัวอย่างเช่น เวลาเราค้นหาข้อมูลคำว่า "ท่องเที่ยว" ระบบ Search Engine ก็จะแสดงผลการค้นหารายชื่อเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับท่องเที่ยวทั้งหมดมาแสดงให้เราได้ทราบ จุดน่าสนใจก็คือ Google รู้ได้อย่างไรว่าเว็บไซต์ไหนบ้างที่เกี่ยวกับท่องเที่ยว และเว็บไซต์ไหนบ้างที่ไม่เกี่ยวกับท่องเที่ยว ส่วนนี้คือความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างภายในหน้าเว็บเพจของเราที่เรียกกว่า การปรับแต่ง On-Page เพื่อบอกให้กับ Robots ที่มาเก็บข้อมูลเว็บไซต์ได้ทราบว่า เนื้อหาในหน้าเว็บเพจนี้กล่าวถึงอะไรและเน้นคีย์เวิร์ดคำไหน เป็นต้น

การปรับแต่งเว็บไซต์ในส่วนของ On-Page
ข้อมูลส่วนนี้คือปัจจัยภายในเว็บไซต์ที่จะเป็นตัวบอกว่าเนื้อหาบนหน้าเว็บเพจของคุณกล่าวถึงอะไร และเป็นเว็บเพจที่เน้นใช้คีย์เวิร์ดคำไหน โดยคุณสาามารถปรับแต่งได้ดังนี้

ระบุหัวข้อหลักให้กับหน้าเว็บเพจ ส่วนนี้คุณสามารถปรับแต่งได้โดยใส่คีย์เวิร์ดลงไปในส่วนของแท็ก <title> และ <h1> ได้

ระบุหัวข้อรองหรือหัวข้อที่เกี่ยวข้องให้กับเว็บเพจ ส่วนนี้คุณสามารถปรับแต่งได้โดยใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องที่มีความสัมพันธ์กันกับเนื้อหาในหน้านั้นลงไปในแท็ก <h2> และ <h3> ได้

เน้นคีย์เวิร์ดหรือคำที่ต้องการให้ Robots ทราบ คุณสามารถใช้คุณสมบัติตัวหนา ตัวเอียง โดยใช้แท็ก <strong>, <i> และ <u> ในการเน้นข้อความบางคำที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดสำหรับสร้างความสัมพันธ์ของเนื้อหาในหน้าดังกล่าวได้

เนื้อหาที่กล่าวถึงคีย์เวิร์ดคำนั้น เนื้อหารายละเอียดที่เขียนลงไปในหน้าเว็บเพจบางครั้งอาจไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดหรือหัวข้อมากนัก คุณไม่ต้องกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น ขอเพียงส่วนที่เป็นเนื้อหาดังกล่าวมีคีย์เวิร์ดผสมอยู่โดยประมาณ 1-5% ของคำนวนคำทั้งหมด ก็เพียงพอต่อการทำ SEO แล้ว

การปรับแต่งเว็บไซต์ในส่วนของ Off-Page
ส่วนนี้เป็นปัจจัยภายนอกในการสร้างค่าความนิยมของเนื้อหาและมีส่วนช่วยให้หน้าเว็บเพจดังกล่าวมีอันดับที่ดีขึ้นบน Search Engine คุณสามารถทำได้ดังนี้

สร้าง Back Link (ลิงค์กลับ) มายังเว็บเพจของคุณ การโปรโมทเว็บไซต์โดยการโฆษณาเขียนบรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับสินค้าและบริการเพื่อสร้างความสนใจในกลุ่มผู้บริโภคต่างๆ พร้อมทั้งสร้างลิงค์กลับมายังเว็บไซต์หลัก

ลงโฆษณากับทางเว็บไซต์อื่นๆ ด้วยลิงค์ตัวอักษรหรือลิงค์ป้าย Banner ก็ดี สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นลิงค์กลับมายังเว็บไซต์หลักและส่งผลทำให้เว็บไซต์หลักได้รับความนิยมที่เพิ่มขึ้นได้

วิธีทำ SEO ข้างต้นนี้ เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ที่ครอบคลุมและได้ผลตามหลัก Google Webmaster Guideline แต่ทั้งนี้ผู้ทำ SEO ควรจะคำนึงถึงความเหมาะสมในเนื้อหาและ Back Link ที่เพิ่มจำนวนขึ้นจากการโปรโมทเว็บไซต์ โดยเน้นการโปรโมทเว็บไซต์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้บริโภคหรือกลุ่มลูกค้าอย่างตรงเป้าหมาย ควรหลีกเลี่ยงการสร้างเนื้อหาซ้ำ้ซ้อน เนื้อหาที่ไม่มีประโยชน์เกี่ยวกับตัวสินค้าและบริการ หรือลิงค์กลับจำนวนมากจนอาจทำให้ดูเหมือนการ Spam ลิงค์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกลงโทษเกี่ยวกับการจัดอันดับได้

ยินดีต้อนรับสู่บล็อก Five SEO ผ่านช่องทาง Blogger

เริ่มต้นสู่บล็อกใหม่ที่ถูกสร้างขึ้น เรายินดีที่จะเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของเราเพื่อให้ถึงกลุ่มลูกค้ามากที่สุด ด้วย บริการรับทำ SEO ที่ทันสมัย ควบคู่ไปกับแนวคิดริเริ่มใหม่ๆ ที่อาจทำให้ธุรกิจของลูกค้าประสบความสำเร็จได้มากกว่า

ปัจจุบันมีหลายธุรกิจที่เข้ามาสนใจการโปรโมทเว็บไซต์และทำ SEO เป็นหลัก ถ้าพูดถึงในแง่ของการประสบความสำเร็จด้านการตลาดออนไลน์นั้น SEO เป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ในลำดับต้นๆ ของแผนการโปรโมทเว็บไซต์เลยก็ว่าได้ SEO คืออะไร และแนวคิดของการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดีขึ้นได้ใน Search Engine นั้นมีหลักการอย่างไร มาทำความรู้จักกับวิธีทำ SEO ได้ง่ายๆ ผ่าน Five SEO Blog ของเราในตอนหน้า