พฤติกรรมดังกล่าวนี้เกิดจากระบบ Google Algorithm เก่าสำหรับปี 2010 ซึ่งทีมงานของเราสรุปปัจจัยสำคัญสำหรับการสร้างอันดับได้ง่ายๆ ดังนี้
ปัจจัยการทำอันดับสำหรับ Google Algorithm 2010
ดังแนวคิดข้างต้น คือเหตุผลง่ายๆ ของการก่อเกิด Content Farm ในช่วงปลายปี 2010 ที่ผ่านมา ในเมื่อนักทำ SEO ทั้งหลายรู้ว่าการได้ Back Link จากหน้าเว็บเพจที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน ก็มักจะถือว่าเป็น Back Link คุณภาพ และลิงค์เหล่านั้นจะมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นถ้าหน้าเว็บไซต์หรือหน้าเว็บเพจที่ปล่อยลิงค์มานั้นมีอัตราการ Crawler ของ Robots อยู่บ่อยครั้ง หรือที่หลายๆ คนมักเรียกว่า "บอทแรง" ก็ยิ่งจะช่วยทำให้หน้าเว็บเพจปลายทางที่ได้ Back Link นั้นมีอันดับที่ดีขึ้นได้ไม่ยาก
จากแนวคิดนี้นักทำ SEO หลายคนก็เลยถือโอกาสทดลองสร้าง Network ของตนเองหลายเว็บไซต์ และเขียนเนื้อหาจำนวนมากลงไปยังแต่ละเว็บไซต์ดังกล่าว พร้อมทั้งหา Inbound Links ให้กับแต่ละเว็บไซต์ที่เป็น Network
จากการกระทำดังกล่าวนี้เรามักจะเห็นเว็บไซต์ Network ของนักทำ SEO แต่ละคนอยู่เต็มไปหมดเวลาที่เราต้องการค้นหาข้อมูลบางอย่างบน Google ... เว็บไซต์ที่เป็น Network ส่วนมาก จะนิยมติดตั้ง WordPress ซึ่งเป็น CMS ชั้นเยี่ยมและได้รับการยอมรับว่าเป็น Script สำหรับสร้างบล็อกที่ทำอันดับได้ดีมากที่สุดตัวหนึ่ง เนื่องจากเป็นเพราะว่ามี Widget และเครื่องมืออำนวยความสะดวกด้าน SEO ครบวงจรนั่นเอง
สิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นถือเป็นขยะสำหรับผลการค้นหา แน่นอนว่าถ้ามี Keyword คำหนึ่งที่คุณค้นไปแล้วเจอเว็บไซต์ หลักของนักทำ SEO อยู่ในอันดับที่ 1 และอันดับที่ 2-5 หรือ 2-10 เป็นเว็บไซต์ที่เป็น Network ของนักทำ SEO รายนั้น ... แทนที่ผู้ค้นหาจะมีตัวเลือกรายการค้นหาสำหรับเปรียบเทียบข้อมูลที่ถูกใจ กลับกลายเป็นว่าหาอะไรก็เจอแต่เว็บไซต์ที่ต้องการเพียง 1 เว็บ นอกนั้นเป็นเว็บขยะที่มีข้อความพูดวกไปวนมา อ่านไม่รู้เรื่องบ้าง
ด้วยเหตุนี้ Google จึงตระหนักถึงผลเสียดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับหน้าผลการค้นหาของตน และจึงสร้างระบบการจัดการค้นหาที่เรียกว่า Google Panda เข้ามาใช้จัดการกับเว็บไซต์ Content Farm ดังกล่าวนี้ให้ลดปริมาณลง
"นักทำ SEO อย่างเราจะสามารถรับมือกับ Google Panda ได้อย่างไร และต่อไปจะมีแนวทางใดในการสร้าง Website ที่เรียกว่า "คุณภาพ" คุณสามารถติดตามไอเดียใหม่ๆ สำหรับทำ SEO จากเราได้ในตอนต่อไป"